วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ข้อเปรียบเทียบระหว่างอาหารเสริมแบบฟู้ดแมทริกซ์ กับ อาหารเสริมมาตรฐาน USP ที่มีขายโดยทั่วไป
พวกเราทุกคนต่างทราบว่าเรากำลังบริโภคอาหารกันอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม และอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งอย่างมากมายที่พวกเราบริโภคก็ไม่ได้ให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างเพียงพอ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ร้อยละ 60-70 ของพวกเราต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ทว่า “ สิ่งที่คุณไม่ทราบ ” จะเป็นตัวการสร้างความเสียหายแก่พวกเรา... กิจการธุรกิจยารายใหญ่ ได้เก็บงำความเป็นจริงไม่ให้พวกเราทุกคนรับทราบ ที่จริงบริษัทยายักษ์ใหญ่เหล่านี้ ได้เคยดำเนินกระบวนการทางศาลเพื่อทำให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ได้สดับรับฟังความจริงที่จะกล่าวต่อไป
ทราบหรือไม่ว่ากว่าร้อยละ 90 ของวิตามินและแร่ธาตุที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนับพันชนิดที่คุณซื้อหา จะมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่ราย พวกเขาได้ทำการแยกวิตามินออกมา แล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่ในห้องปฏิบัติการในปริมาณมหาศาล จากนั้นจึงส่งขายให้กับผู้ผลิตวิตามิน พวกเขายังได้ขุดค้นแร่ธาตุขึ้นมาจากเหมืองทั่วโลก และ “ หินบดละเอียด ” ( crushed rocks) เหล่านี้ก็คือ สิ่งเดียวกันกับที่คุณได้รับประทานใน อาหารเช้าประเภทซีเรียล หรือวิตามินประจำวันของคุณ
สิ่งที่คุณไม่อาจทราบก็คือ เคมีภัณฑ์และหินเหล่านี้ นอกจากร่างกายจะไม่ยอมรับเป็นโภชนาหารแล้ว ในบางกรณียังก่อให้เกิดพิษภัยอีกด้วย นั่นเท่ากับว่าในความพยายามทำสิ่งที่เป็นคุณแก่ร่างกาย กลับอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างแท้จริงแก่ตัวเอง โดยสารเคมีและหินปูนที่ล่องลอยอยู่ในกระแสโลหิตของคุณนี่เองคือต้นเหตุแห่งความหายนะดังกล่าว
ในกรณีตรงข้ามกับสภาพดังกล่าวข้างต้น โภชนาหารที่พบในอาหารจะได้รับการยอมรับจากร่างกาย และร่างกายจะใช้มันไปเพื่อการบำรุงเลี้ยงส่วนต่างๆ โภชนาหารเชิงซ้อน (complex nutrients) เหล่านี้จะอยู่ในรูปของฟู้ดแมทริกซ์™ โดยที่วิตามินและเกลือแร่จะเกาะตัวอยู่กับ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน (lipids) เอนไซม์ และไบโอเฟลวานอยด์ (bioflavanoids)
โภชนาหารในฟู้ดแมทริกซ์™ คือสิ่งที่ร่างกายของคุณถือเป็นอาหาร ซึ่งไม่ใช่สารเคมีที่ถูกแยกออกมาโดด ๆ ในการนี้นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาวิธีการที่จะทำงานร่วมกับธรรมชาติ เพื่อผลิตโภชนาหาร ฟู้ดแมทริกซ์™ ซึ่งเป็นการผนวกรวมวิตามิน และเกลือแร่ อาหารที่แท้จริงเข้าด้วยกันโดยมีปัจจัยร่วม (cofactors) ที่สำคัญทุกอย่างยึดโยงอยู่กับวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกายของคุณ

เพื่อให้เข้าใจว่าโภชนาหารเหล่านี้ทำหน้าที่ได้ดีเพียงใด นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยสแครนตัน ได้ทำการทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโภชนาหารฟู้ดแมทริกซ์™ กับสารเคมีแบบ “ แยกส่วน ” (isolated chemicals) ที่มีต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมวัยทารก กระบวนการเริ่มจากการเลี้ยงสัตว์ทั้งหมดด้วยอาหารพร่องโภชนาการเป็นเวลาสองสัปดาห์ จากนั้นจึงเริ่มให้กลุ่มหนึ่งได้รับโภชนาหารแบบ “ แยกส่วน ” อีกกลุ่มหนึ่งได้รับโภชนาหารฟู้ดแมทริกซ์™ เป็นเวลาสี่สัปดาห์เท่ากัน ระหว่างนั้นก็ทำการชั่งน้ำหนักและบันทึกความเปลี่ยนแปลงลงบนกราฟ ผลปรากฏว่าสัตว์วัยอ่อนเหล่านี้ ซึ่งเซลล์ร่างกายกำลังต้องการโภชนาหาร กลับไม่ได้รับประโยชน์จากโภชนาหารแบบ “ แยกส่วน ” ที่จริงน้ำหนักของมันกลับเริ่มลดลงด้วยซ้ำ ในทางตรงกันข้ามกลุ่มที่ได้รับ ฟู้ดแมทริกซ์™ กลับเติบโตและน้ำหนักของพวกมันได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วงเวลา 4 สัปดาห์ การศึกษานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โภชนาหารแบบแยกส่วนให้ผลน้อยมากหรืออาจไม่ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ หากตระหนักถึงความจำเป็นว่าเซลล์ต้องการการเติบโตและงอกงาม เพื่อที่ร่างกายของเราจะมีขีดความสามารถในการบำบัดรักษา เติบโตเข้มแข็งขึ้นและสามารถต่อสู้กับการรุกรานของกาลเวลาได้
คุณคิดว่าโภชนาหารชนิดใดที่คุณกำลังใช้เลี้ยงดูเซลล์ในร่างกายของคุณ ?
วิตามินจำเป็นต้องมีองค์ประกอบร่วม (cofactors) บางประการ จึงจะทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ ผู้ช่วย ” เหล่านี้ประกอบด้วยไบโอเฟลวานอยด์ และสารธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งจะทำงานร่วมกับวิตามินเพื่อสร้างผลลัพธ์อันทรงคุณค่า การปราศจากองค์ประกอบร่วมดังกล่าว ส่งผลให้ประสิทธิภาพของสารเคมีแบบแยกส่วนที่ถูกผลิตขึ้นในปริมาณมากมีเพียงน้อยนิด ซึ่งอาจพิจารณาจาก กรณีวิตามิน C เป็นตัวอย่าง
ในการศึกษาเปรียบเทียบที่ดำเนินการที่วิทยาลัยการแพทย์นิวเจอร์ซี่ พบว่ามีวิตามิน C แบบฟู้ดแมทริกซ์™ ในกระแสเลือดมากกว่า 5 เท่า หลังผ่านไปสองชั่วโมง และมากกว่าอย่างไม่น่าเชื่อถึง 18 เท่า หลังผ่านไป 12 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นแม้เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมง วิตามิน C จากฟู้ดแมทริกซ์™ ก็ยังมีมากกว่าวิตามิน C แบบ “ แยกส่วน ” ในทุก ๆ ช่วงเวลา
ข้อพิสูจน์ต่อไปถึงความเหนือกว่าของโภชนาหารคือ การศึกษาที่เผยแพร่โดยมหาวิทยาลัยสแครนตัน โดยการใช้ตัวอย่างเนื้อเยื่อเพื่อตรวจวัดปริมาณโภชนาหารที่ปรากฏในเนื้อเยื่อหลังการบริโภคฟู้ดแมทริกซ์™ และแอสคอร์บิคแอซิค (วิตามินซี) ผลลัพธ์ที่ได้น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าปริมาณวิตามิน C ในแบบฟู้ดแมทริกซ์™ จะปรากฏในเนื้อเยื่อมากกว่าวิตามิน C เมื่ออยู่ในสถานะโดดๆ ถึง 17 เท่าตัว
มะเร็งในลำไส้ใหญ่คร่าชีวิตคนอเมริกันปีละประมาณ 47,000 คน มีความเชื่อกันโดยทั่วไปว่า โรคที่น่าสะพรึงกลัวนี้พัฒนามาจากติ่งเนื้องอก (polyps) ดังนั้นการเติบโตของเนื้องอกเหล่านี้จึงได้รับการศึกษาวิจัยเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของคนไข้ ซึ่งในขณะที่ผลการศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า วิตามินซี สามารถหยุดยั้งการเติบโตของเนื้องอกได้ แต่การศึกษาที่จัดทำขึ้นที่มหาวิทยาลัยดับลิน ทรินิตี คอลเลจ (University of Dublin Trinity College) เปิดเผยว่า วิตามินซีแบบฟู้ดแมทริกซ์™ สามารถลดขนาดของเนื้องอกลงกว่าร้อยละ 50 ภายในระยะเวลาเพียง 30 วัน จึงเป็นที่แน่ชัดว่าโภชนาหารฟู้ดแมทริกซ์™ เหนือกว่าสารอาหารในแบบ “ แยกส่วน ” อย่างมากมาย
ประเด็นคุณประโยชน์สำคัญอีกประการของเทคโนโลยีชีวภาพใหม่นี้ อยู่ที่วิธีการส่งผ่านเกลือแร่เข้าสู่ร่างกาย ผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า มีกระบวนการที่เป็นระบบที่ร่างกายใช้ในการส่งผ่านเกลือแร่เข้าสู่เซลล์โดยตรง ทั้งนี้หากปราศจากโปรตีนพิเศษที่ชื่อว่า “ Chaperone ” ซึ่งพบได้ในโภชนาหารฟู้ดแมทริกซ์™ แร่ธาตุจากหินบด (crushed rock minerals) ซึ่งพบในอาหารเสริมเกือบทั้งหมด ก็จะจบลงด้วยการล่องลอยอย่างไร้จุดหมายในกระแสโลหิต นักวิทยาศาสตร์เองก็เพิ่งเริ่มที่จะเข้าใจถึงผลที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของแร่ธาตุที่ล่องลอยโดยอิสระในร่างกายเหล่านี้
แคลเซียม นับเป็นตัวอย่างเด่นชัดที่แสดงว่าแร่ธาตุเหล่านี้เป็นอันตรายเพียงใด ปัจจุบันสตรีจำนวนนับล้านๆ คน บริโภคอาหารเสริมแคลเซียม แต่ในขณะที่หญิงชาวอเมริกันบริโภคอาหารเสริมแคลเซียมมากกว่าผู้หญิงในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก สหรัฐฯ กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาวะโรคกระดูกพรุน (osteoperosis) สูงสุด สภาวะที่เป็นอันตรายนี้ รู้จักกันในชื่อของ “Brittle Bone Disease” หรือ “ โรคกระดูกเปราะ ” ที่ทำให้เกิดช่องว่างในกระดูกซึ่งสามารถนำสู่การแตกร้าวถึงทุพพลภาพและมักอันตรายถึงชีวิต ในรูปภาพต่อไปนี้คุณจะได้เห็นการแตกร้าวจากการกดดันของกระดูกสันหลัง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการอ่อนตัวของกระดูก อย่างไรก็ตามการบริโภคยาเม็ดแคลเซียมส่วนใหญ่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้เพียงเล็กน้อย และอาจนำมาซึ่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
หากปราศจากซึ่งการส่งผ่านโปรตีน เพื่อเป็นตัวนำพาแคลเซียมให้ตรงเข้าสู่เนื้อเยื่อเป้าหมายที่แท้จริงแล้วแคลเซียมคาร์บอเนต (ซึ่งก็คือหินปูนบดละเอียดธรรมดา) ก็จะเข้าไปเกาะตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลที่เป็นอันตรายยิ่ง แคลเซียมเหล่านี้อาจหาทางเข้าสู่บริเวณทรวงอก และไต หรืออาจเป็นอันตรายยิ่งขึ้นในกรณีที่ไปเกาะติดผนังเส้นเลือดแดง ทำให้ผนังเส้นเลือดแข็งและหนาขึ้น ผลึก (Plaque) แคลเซียม นี่เองที่เป็นตัวการสำคัญของโรคหัวใจหรือหัวใจล้มเหลว ลองพิจารณาความแตกต่างระหว่างเส้นเลือดหัวใจ (coronary artery) ที่เป็นปกติกับเส้นที่อุดตันด้วยหินปูน ดังภาพ
นับเป็นเรื่องที่เข้าใจได้โดยง่ายว่า ทำไมคนอเมริกันจำนวนมากจึงต้องเข้าคิวรอคอยการตรวจร่างกายด้วยเครื่องสแกนเนอร์เทคโนโลยีสูง ที่สามารถตรวจสอบการก่อตัวของหินปูนอันตรายที่เส้นเลือดหัวใจของพวกเขา
“ สิ่งที่คุณไม่ทราบ ” สามารถก่ออันตรายแก่ตัวคุณ บริษัทยายักษ์ใหญ่เหล่านี้ได้พยายามต่อสู้เพื่อเก็บงำความจริงเหล่านี้ให้เป็นความลับสำหรับพวกเราทั้งปวง ห้องปฏิบัติการของพวกเขาได้ผลิตสารเคมีและหินบด ซึ่งอย่างดีก็แค่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพเพียงน้อยนิด แต่สามารถก่ออันตรายอย่างแท้จริง เดี๋ยวนี้เรารู้ความจริงแล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเราที่จะเผยแพร่ข่าวดีออกไป มีวิธีการที่ปลอดภัยและเป็นผลดีต่อสุขอนามัยกว่าในการดูแลร่างกายของคุณ ด้วยวิธีการทางธรรมชาติ (Working With Nature) เราสามารถช่วยให้ร่างกายมีโอกาสในการต่อสู้กับอันตรายจากอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปมากเกินไป สารเคมีที่เป็นพิษเป็นภัย ความเครียดและการร่วงโรยของสังขารตามกาลเวลา
คุณคือผู้ที่อยู่ในแนวหน้าของการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ในด้านสุขภาพ และความอยู่ดีกินดี ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป จงแบ่งปันข้อมูลข่าวสารนี้กับทุกคนที่คุณใส่ใจและห่วงใย...สมควรหรือไม่ที่พวกเราจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในโลก
เราจะเป็นผู้ชนะ เพราะความจริงยืนอยู่เคียงข้างพวกเรา
We all know that we aren't eating properly, and that the heavily processes foods that we do eat don't give enoughmutrition. That's wha 60 to 70% of us use some form of supplement. But it's what we don't know that can hurt from us all. In fact these Mega Drug companies went to court to make sure you did not hear the truth!
You see, over 90% of all the vitamins and minerals available in the thousands of supplements you buy come from the same handful of Mega Drug companies. They isolate the vitamins and recreate them in a laboratory in huge quantities and sell them to vitamin manufacturers. They also have minerals dug up in mines all over the world and these crushed rocks are what you get in your fortified O.J., breakfast cereal or daily vitamin.
What you may not know is that these chemicals and rocks are not recognized as nutrition by the body and can in some cases be toxic. Yes, in trying to do your body some good you may be causing real harm. These chemicals and rocks floating around in your bloodstream are a recipe for disaster.
Nutrients found in food are recognized by the body, and the body uses them for nourishment. These complex nutrients are in the form of a FoodMatrix™ with vitamins and minerals bound to proteins, carbohydrates, lipids, enzymes and bioflavanoids.
These nutrients in a FoodMatrix™, not isolated chemicals are what the body considers food. Scientists have developed a way to work with nature to produce FoodMatrix™ nutrients, a real food vitamin mineral combination that has all of the important cofactors bound to the vitamins and minerals your body needs.
To get an idea of how well these nutrients work researchers at Scranton University tested the effectiveness of FoodMatrix™ nutrients and chemical isolates on baby mammals.

After feeding them nutrient deficient food for two weeks they began feeding one group isolates and the other FoodMatrix™ nutrients for four weeks weighing them and charting the progress. These babies, whose cells were screaming for nutrition received no benefit from the isolated mutrients, as a matter of fact their weight soon began to decling. In contrast the FoodMatrix™ group thrived, and their weight almost doubled in the four-wekk period. This study clearly shows that isolated nutrients give very little or no help to growing cells. Consider that our cells need to grow and flourish for our bodies to heal, grow stronger and dight off the ravages of time.
Which type of nutrient are you going to feed your cells?
To be effectively used by the body, vitamins need cofactors. These "helpers" consist of bioflavanoids and other natural substances that work with the vitamin to produce positive results. Without these cofactors the effects of mass produced isolated chemicals are minimal at best. Take vitamin C for example.
In a study conducted at the New Jersey College of Medicine there was five times more FoodMatrix™ Vitamin C in the blood after two hours, and an incredible 18 times as much after 12 hours. Surprisingly there was more Vitamin C from FoodMatrix™ after 24 hours than there was at any time with the isolated Ascorbic Acid group.
Further proof of the superiority of real food nutrients is a study released by Scranton University Using tissue samples the bioavailability of FoodMatrix™ Vitamin C was Found to be over 12 times more bioavailable than the isolate.
Colon Cancer kills 47,000 Americans every year. This dreaded disease is generally believed to develop from polyps. These growths are studied to determine a patient's risk for cencer. While numerous studies have shown that Vitamin C can stop further polyp growth, a study conducted at The University of Dublin Trinity College revealed that FoodMatrix™ Vitamin C reduced polyps by more than 50% in just 30 days! Clearly FoodMatrix™ nutrients are vastly superior to isolates.
Another critical aspect of the benefit this new biotechnology is the way minerals are transported in the body. Noble Prize winning science proves that there is a systematic process the body uses to transport inerals directly to the cells. Without the special protein "Chaperone" found in FoodMatrix™ nutrients the crushed rock minerals found in virtually all supplements end up floating aimlessly in the blood. Scientists are just beginning to understand the deadly consequences of these free-floating minerals.
Calcium is a prime example of how dangerous these minerals can be. Calcium supplements are taken by millions of women. Even though American women take more calcium supplements than anywhere else in the world we have one of the highest rates of osteoporosis. This deadly condition known as brittle bone disease causes holes in the bone that can lead to crippling fractures and often death. In the following photo, you can see a compression fracture of the spine caused by advanced softening of the bone. Unfortunately taking most calcium tablets does little to help the problem, and can cause deadly side effects.
Without the protein transport to shuttle the calcium directly to the proper tissues calcium carbonate (which is simply crushed limestone) can bind to a variety of tissues with deadly results. This calcium can find its may end up in the walls of your arteries where it causes hardening and thickening. This calcium plaque is a major contributor to heart disease and stroke. Take a look at the difference between a normal coronary artery and one that has become clogged with calcium plaque.
It's easy to see why Americans by the thousands are lining up to be examined by new state of the art scanners that can detect this lethal calcification of their arteries.
“ What you don't know can hurt you! ” These mega drug companies have fought to keep these facts a secret from all us, Their laboratory made chemicals and crushed rocks have a minimal health benefit at best, and can cause real harm. Now that we know the truth it is up to us to spread the good news. There is a healthier and safer way to feed your body. Working with nature we can help the body to have a fighting chance against over processed foods, noxious chemicals, stress and the revages of time.
You ar on the front lines of the next great battle in health and wellness. Share this information with everyone you care about. Don't they deserve the best the world has ot offer?
We will win . The truth is on our side.
« Back

ไม่มีความคิดเห็น: