วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

อาหารเสริม.............................................................................................

ประเภทอาหารการเสริม >> Cofee D4trim 24" Ince Bio Cofee 7 in 1 Kolla Mill Herbalife



สังคมในยุคปัจจุบันนิยมชมชอบคนผอม ดังนั้นคนที่อ้วนหรือบางคนก็ไม่อ้วนต่างก็พยายามลดน้ำหนักตัว ซึ่งมีหลักการสำคัญคือจะต้องควบคุมอาหารโดยการลดพลังงานจากอาหารลงควบคู่กับการออกกำลังกาย การลดน้ำหนักที่ดีจะต้องค่อยๆ ลดน้ำหนักลงประมาณสัปดาห์ละ 1/2– 1 กิโลกรัม ดังนั้นผู้ลดน้ำหนักจึงต้องควบคุมอาหารเป็นระยะเวลานานเพื่อให้น้ำหนักลดลงตามต้องการ หลายคนจึงมักจะลดน้ำหนักทางลัดด้วยอาหารเสริม เพื่อให้น้ำหนักลดลงตามต้องการภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว..........
ลดน้ำหนักทางลัดด้วยอาหารเสริม...จะดีหรือ?
ผู้ลดน้ำหนักต้องควบคุมอาหารเป็นระยะเวลานานเพื่อให้น้ำหนักลดลงตามต้องการ หลายคนจึงมักจะมีคำถามว่าตัวเองจะขาดอาหารหรือไม่ และควรรับประทานอาหารชนิดใดเสริม หากคุณลดน้ำหนักโดยการควบคุมอาหารอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของนักโภชนาการ คุณก็น่าจะได้รับสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการของร่างกาย ไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารหรือวิตามินเสริมอีก แต่ถ้าการควบคุมอาหารนั้นทำให้ร่างกายได้รับอาหารไม่สมดุลหรือลดพลังงานจากอาหารลงมาก (เพราะต้องการจะให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง) จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุไม่เพียงพอ หากเป็นเช่นนี้เป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการผิดปกติในร่างกายได้ เช่น การขาดวิตามินบีหนึ่งจะทำให้เกิดอาการชาปลายมือปลายเท้า (หรือเหน็บชา) หรือการขาดวิตามินบีสองจะทำให้เกิดแผลที่มุมปาก ซึ่งถ้าเป็นๆ หายๆ มุมปากก็จะหนาขึ้น จึงเรียกอาการนี้ว่าโรคปากนกกระจอก เป็นต้น ในกรณีเช่นนี้จำเป็นต้องได้รับวิตามินและแร่ธาตุเสริม โดยเลือกรับประทานวิตามินรวมซึ่งจะมีวิตามินชนิดต่างๆ เกือบครบถ้วน และบางชนิดมีแร่ธาตุ เช่น เหล็ก สังกะสี ทองแดง หรือแคลเซียม รวมอยู่ด้วยปริมาณของวิตามินและแร่ธาตุที่มีในยาเม็ดวิตามินสามารถดูได้จากฉลากที่อยู่ข้างขวด ซึ่งวิตามินบางยี่ห้อนอกจากจะบอกปริมาณวิตามินหรือแร่ธาตุแต่ละชนิดที่มีในยาแต่ละเม็ดแล้ว อาจบอกเป็นเปอร์เซนต์ของปริมาณที่ควรได้รับประจำวัน (% Thai DRI) (Dietary reference intake) ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากสหรัฐอเมริกา เปอร์เซนต์ที่แสดงบนฉลากจะเป็น % US RDA (Recommended Dietary Allowances) ซึ่งค่า US RDA คือปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ควรได้รับประจำวันสำหรับคนอเมริกัน ค่านี้จะใกล้เคียงกับปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย วิตามินหรือแร่ธาตุใดที่มีค่าต่ำกว่าปริมาณที่ควรได้รับประจำวันจะมีค่าต่ำกว่า 100% แต่ถ้าวิตามินหรือแร่ธาตุชนิดใดมีค่าสูงกว่า 100% ก็แสดงว่าวิตามินหรือแร่ธาตุชนิดนั้นมีในยาเม็ดนี้เกินกว่าปริมาณที่ควรได้รับประจำวัน ซึ่งโดยทั่วไปถ้าค่าไม่เกิน 150% ยังจัดว่าปลอดภัยสำหรับการรับประทานเพื่อป้องกันการขาดสารอาหารชนิดนั้น........ อ่านต่อ >>
กินอาหารเสริมอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ
แต่ก่อนนี้การเสริมวิตามินแร่ธาตุเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการสนับสนุน เพราะเชื่อว่ากินอาหารให้ครบหมวดหมู่ก็พอ แต่ข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันได้พลิกข้อแนะนำก่อนหน้านี้นั่นคือ การเสริมวิตามินแร่ธาตุรวมหรือมัลติวิตามิน เป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด ช่วยให้สุขภาพดี ป้องกันการขาดสารอาหาร รวมถึงการป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ เสริมวิตามินแร่ธาตุรวมวันละเม็ดเพื่อประกันสุขภาพเนื่องจากมัลติวิตามินมีราคาถูกและปลอดภัย และส่วนใหญ่มีปริมาณวิตามินและแร่ธาตุเพียงพอที่จะช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง ป้องกันหัวใจวาย มะเร็งลำไส้ใหญ่ เสริมสุขภาพสมองและเพิ่มภูมิต้านทาน แม้เราจะวางแผนในการกินที่ดีอย่างไร ก็ยากที่จะได้สารอาหารมากกว่า 40 ชนิดอย่างครบถ้วนสม่ำเสมอในแต่ละวัน นักวิจัยจึงแนะนำให้ผู้ใหญ่ทุกคนรับประทานมัลติวิตามินทุกวัน วันละ 1 เม็ด เป็นการประกันสุขภาพโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะนอกจากจะป้องกันการขาดสารอาหารแล้ว ยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานและลดความเสี่ยงโรคหัวใจอีกด้วย......
ข้อเปรียบเทียบระหว่างอาหารเสริมแบบฟู้ดแมทริกซ์ กับ อาหารเสริมมาตรฐาน USP ที่มีขายโดยทั่วไป
พวกเราทุกคนต่างทราบว่าเรากำลังบริโภคอาหารกันอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม และอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งอย่างมากมายที่พวกเราบริโภคก็ไม่ได้ให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างเพียงพอ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ร้อยละ 60-70 ของพวกเราต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ทว่า “ สิ่งที่คุณไม่ทราบ ” จะเป็นตัวการสร้างความเสียหายแก่พวกเรา... กิจการธุรกิจยารายใหญ่ ได้เก็บงำความเป็นจริงไม่ให้พวกเราทุกคนรับทราบ ที่จริงบริษัทยายักษ์ใหญ่เหล่านี้ ได้เคยดำเนินกระบวนการทางศาลเพื่อทำให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ได้สดับรับฟังความจริงที่จะกล่าวต่อไป
ทราบหรือไม่ว่ากว่าร้อยละ 90 ของวิตามินและแร่ธาตุที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนับพันชนิดที่คุณซื้อหา จะมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่ราย พวกเขาได้ทำการแยกวิตามินออกมา แล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่ในห้องปฏิบัติการในปริมาณมหาศาล จากนั้นจึงส่งขายให้กับผู้ผลิตวิตามิน พวกเขายังได้ขุดค้นแร่ธาตุขึ้นมาจากเหมืองทั่วโลก และ “ หินบดละเอียด ” ( crushed rocks) เหล่านี้ก็คือ สิ่งเดียวกันกับที่คุณได้รับประทานใน อาหารเช้าประเภทซีเรียล หรือวิตามินประจำวันของคุณ
สิ่งที่คุณไม่อาจทราบก็คือ เคมีภัณฑ์และหินเหล่านี้ นอกจากร่างกายจะไม่ยอมรับเป็นโภชนาหารแล้ว ในบางกรณียังก่อให้เกิดพิษภัยอีกด้วย นั่นเท่ากับว่าในความพยายามทำสิ่งที่เป็นคุณแก่ร่างกาย กลับอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างแท้จริงแก่ตัวเอง โดยสารเคมีและหินปูนที่ล่องลอยอยู่ในกระแสโลหิตของคุณนี่เองคือต้นเหตุแห่งความหายนะดังกล่าว
ในกรณีตรงข้ามกับสภาพดังกล่าวข้างต้น โภชนาหารที่พบในอาหารจะได้รับการยอมรับจากร่างกาย และร่างกายจะใช้มันไปเพื่อการบำรุงเลี้ยงส่วนต่างๆ โภชนาหารเชิงซ้อน (complex nutrients) เหล่านี้จะอยู่ในรูปของฟู้ดแมทริกซ์™ โดยที่วิตามินและเกลือแร่จะเกาะตัวอยู่กับ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน (lipids) เอนไซม์ และไบโอเฟลวานอยด์ (bioflavanoids)
โภชนาหารในฟู้ดแมทริกซ์™ คือสิ่งที่ร่างกายของคุณถือเป็นอาหาร ซึ่งไม่ใช่สารเคมีที่ถูกแยกออกมาโดด ๆ ในการนี้นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาวิธีการที่จะทำงานร่วมกับธรรมชาติ เพื่อผลิตโภชนาหาร ฟู้ดแมทริกซ์™ ซึ่งเป็นการผนวกรวมวิตามิน และเกลือแร่ อาหารที่แท้จริงเข้าด้วยกันโดยมีปัจจัยร่วม (cofactors) ที่สำคัญทุกอย่างยึดโยงอยู่กับวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกายของคุณ

เพื่อให้เข้าใจว่าโภชนาหารเหล่านี้ทำหน้าที่ได้ดีเพียงใด นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยสแครนตัน ได้ทำการทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโภชนาหารฟู้ดแมทริกซ์™ กับสารเคมีแบบ “ แยกส่วน ” (isolated chemicals) ที่มีต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมวัยทารก กระบวนการเริ่มจากการเลี้ยงสัตว์ทั้งหมดด้วยอาหารพร่องโภชนาการเป็นเวลาสองสัปดาห์ จากนั้นจึงเริ่มให้กลุ่มหนึ่งได้รับโภชนาหารแบบ “ แยกส่วน ” อีกกลุ่มหนึ่งได้รับโภชนาหารฟู้ดแมทริกซ์™ เป็นเวลาสี่สัปดาห์เท่ากัน ระหว่างนั้นก็ทำการชั่งน้ำหนักและบันทึกความเปลี่ยนแปลงลงบนกราฟ ผลปรากฏว่าสัตว์วัยอ่อนเหล่านี้ ซึ่งเซลล์ร่างกายกำลังต้องการโภชนาหาร กลับไม่ได้รับประโยชน์จากโภชนาหารแบบ “ แยกส่วน ” ที่จริงน้ำหนักของมันกลับเริ่มลดลงด้วยซ้ำ ในทางตรงกันข้ามกลุ่มที่ได้รับ ฟู้ดแมทริกซ์™ กลับเติบโตและน้ำหนักของพวกมันได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วงเวลา 4 สัปดาห์ การศึกษานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โภชนาหารแบบแยกส่วนให้ผลน้อยมากหรืออาจไม่ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ หากตระหนักถึงความจำเป็นว่าเซลล์ต้องการการเติบโตและงอกงาม เพื่อที่ร่างกายของเราจะมีขีดความสามารถในการบำบัดรักษา เติบโตเข้มแข็งขึ้นและสามารถต่อสู้กับการรุกรานของกาลเวลาได้
คุณคิดว่าโภชนาหารชนิดใดที่คุณกำลังใช้เลี้ยงดูเซลล์ในร่างกายของคุณ ?
วิตามินจำเป็นต้องมีองค์ประกอบร่วม (cofactors) บางประการ จึงจะทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ ผู้ช่วย ” เหล่านี้ประกอบด้วยไบโอเฟลวานอยด์ และสารธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งจะทำงานร่วมกับวิตามินเพื่อสร้างผลลัพธ์อันทรงคุณค่า การปราศจากองค์ประกอบร่วมดังกล่าว ส่งผลให้ประสิทธิภาพของสารเคมีแบบแยกส่วนที่ถูกผลิตขึ้นในปริมาณมากมีเพียงน้อยนิด ซึ่งอาจพิจารณาจาก กรณีวิตามิน C เป็นตัวอย่าง
ในการศึกษาเปรียบเทียบที่ดำเนินการที่วิทยาลัยการแพทย์นิวเจอร์ซี่ พบว่ามีวิตามิน C แบบฟู้ดแมทริกซ์™ ในกระแสเลือดมากกว่า 5 เท่า หลังผ่านไปสองชั่วโมง และมากกว่าอย่างไม่น่าเชื่อถึง 18 เท่า หลังผ่านไป 12 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นแม้เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมง วิตามิน C จากฟู้ดแมทริกซ์™ ก็ยังมีมากกว่าวิตามิน C แบบ “ แยกส่วน ” ในทุก ๆ ช่วงเวลา
ข้อพิสูจน์ต่อไปถึงความเหนือกว่าของโภชนาหารคือ การศึกษาที่เผยแพร่โดยมหาวิทยาลัยสแครนตัน โดยการใช้ตัวอย่างเนื้อเยื่อเพื่อตรวจวัดปริมาณโภชนาหารที่ปรากฏในเนื้อเยื่อหลังการบริโภคฟู้ดแมทริกซ์™ และแอสคอร์บิคแอซิค (วิตามินซี) ผลลัพธ์ที่ได้น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าปริมาณวิตามิน C ในแบบฟู้ดแมทริกซ์™ จะปรากฏในเนื้อเยื่อมากกว่าวิตามิน C เมื่ออยู่ในสถานะโดดๆ ถึง 17 เท่าตัว
มะเร็งในลำไส้ใหญ่คร่าชีวิตคนอเมริกันปีละประมาณ 47,000 คน มีความเชื่อกันโดยทั่วไปว่า โรคที่น่าสะพรึงกลัวนี้พัฒนามาจากติ่งเนื้องอก (polyps) ดังนั้นการเติบโตของเนื้องอกเหล่านี้จึงได้รับการศึกษาวิจัยเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของคนไข้ ซึ่งในขณะที่ผลการศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า วิตามินซี สามารถหยุดยั้งการเติบโตของเนื้องอกได้ แต่การศึกษาที่จัดทำขึ้นที่มหาวิทยาลัยดับลิน ทรินิตี คอลเลจ (University of Dublin Trinity College) เปิดเผยว่า วิตามินซีแบบฟู้ดแมทริกซ์™ สามารถลดขนาดของเนื้องอกลงกว่าร้อยละ 50 ภายในระยะเวลาเพียง 30 วัน จึงเป็นที่แน่ชัดว่าโภชนาหารฟู้ดแมทริกซ์™ เหนือกว่าสารอาหารในแบบ “ แยกส่วน ” อย่างมากมาย
ประเด็นคุณประโยชน์สำคัญอีกประการของเทคโนโลยีชีวภาพใหม่นี้ อยู่ที่วิธีการส่งผ่านเกลือแร่เข้าสู่ร่างกาย ผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า มีกระบวนการที่เป็นระบบที่ร่างกายใช้ในการส่งผ่านเกลือแร่เข้าสู่เซลล์โดยตรง ทั้งนี้หากปราศจากโปรตีนพิเศษที่ชื่อว่า “ Chaperone ” ซึ่งพบได้ในโภชนาหารฟู้ดแมทริกซ์™ แร่ธาตุจากหินบด (crushed rock minerals) ซึ่งพบในอาหารเสริมเกือบทั้งหมด ก็จะจบลงด้วยการล่องลอยอย่างไร้จุดหมายในกระแสโลหิต นักวิทยาศาสตร์เองก็เพิ่งเริ่มที่จะเข้าใจถึงผลที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของแร่ธาตุที่ล่องลอยโดยอิสระในร่างกายเหล่านี้
แคลเซียม นับเป็นตัวอย่างเด่นชัดที่แสดงว่าแร่ธาตุเหล่านี้เป็นอันตรายเพียงใด ปัจจุบันสตรีจำนวนนับล้านๆ คน บริโภคอาหารเสริมแคลเซียม แต่ในขณะที่หญิงชาวอเมริกันบริโภคอาหารเสริมแคลเซียมมากกว่าผู้หญิงในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก สหรัฐฯ กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาวะโรคกระดูกพรุน (osteoperosis) สูงสุด สภาวะที่เป็นอันตรายนี้ รู้จักกันในชื่อของ “Brittle Bone Disease” หรือ “ โรคกระดูกเปราะ ” ที่ทำให้เกิดช่องว่างในกระดูกซึ่งสามารถนำสู่การแตกร้าวถึงทุพพลภาพและมักอันตรายถึงชีวิต ในรูปภาพต่อไปนี้คุณจะได้เห็นการแตกร้าวจากการกดดันของกระดูกสันหลัง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการอ่อนตัวของกระดูก อย่างไรก็ตามการบริโภคยาเม็ดแคลเซียมส่วนใหญ่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้เพียงเล็กน้อย และอาจนำมาซึ่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
หากปราศจากซึ่งการส่งผ่านโปรตีน เพื่อเป็นตัวนำพาแคลเซียมให้ตรงเข้าสู่เนื้อเยื่อเป้าหมายที่แท้จริงแล้วแคลเซียมคาร์บอเนต (ซึ่งก็คือหินปูนบดละเอียดธรรมดา) ก็จะเข้าไปเกาะตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลที่เป็นอันตรายยิ่ง แคลเซียมเหล่านี้อาจหาทางเข้าสู่บริเวณทรวงอก และไต หรืออาจเป็นอันตรายยิ่งขึ้นในกรณีที่ไปเกาะติดผนังเส้นเลือดแดง ทำให้ผนังเส้นเลือดแข็งและหนาขึ้น ผลึก (Plaque) แคลเซียม นี่เองที่เป็นตัวการสำคัญของโรคหัวใจหรือหัวใจล้มเหลว ลองพิจารณาความแตกต่างระหว่างเส้นเลือดหัวใจ (coronary artery) ที่เป็นปกติกับเส้นที่อุดตันด้วยหินปูน ดังภาพ
นับเป็นเรื่องที่เข้าใจได้โดยง่ายว่า ทำไมคนอเมริกันจำนวนมากจึงต้องเข้าคิวรอคอยการตรวจร่างกายด้วยเครื่องสแกนเนอร์เทคโนโลยีสูง ที่สามารถตรวจสอบการก่อตัวของหินปูนอันตรายที่เส้นเลือดหัวใจของพวกเขา
“ สิ่งที่คุณไม่ทราบ ” สามารถก่ออันตรายแก่ตัวคุณ บริษัทยายักษ์ใหญ่เหล่านี้ได้พยายามต่อสู้เพื่อเก็บงำความจริงเหล่านี้ให้เป็นความลับสำหรับพวกเราทั้งปวง ห้องปฏิบัติการของพวกเขาได้ผลิตสารเคมีและหินบด ซึ่งอย่างดีก็แค่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพเพียงน้อยนิด แต่สามารถก่ออันตรายอย่างแท้จริง เดี๋ยวนี้เรารู้ความจริงแล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเราที่จะเผยแพร่ข่าวดีออกไป มีวิธีการที่ปลอดภัยและเป็นผลดีต่อสุขอนามัยกว่าในการดูแลร่างกายของคุณ ด้วยวิธีการทางธรรมชาติ (Working With Nature) เราสามารถช่วยให้ร่างกายมีโอกาสในการต่อสู้กับอันตรายจากอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปมากเกินไป สารเคมีที่เป็นพิษเป็นภัย ความเครียดและการร่วงโรยของสังขารตามกาลเวลา
คุณคือผู้ที่อยู่ในแนวหน้าของการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ในด้านสุขภาพ และความอยู่ดีกินดี ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป จงแบ่งปันข้อมูลข่าวสารนี้กับทุกคนที่คุณใส่ใจและห่วงใย...สมควรหรือไม่ที่พวกเราจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในโลก
เราจะเป็นผู้ชนะ เพราะความจริงยืนอยู่เคียงข้างพวกเรา
We all know that we aren't eating properly, and that the heavily processes foods that we do eat don't give enoughmutrition. That's wha 60 to 70% of us use some form of supplement. But it's what we don't know that can hurt from us all. In fact these Mega Drug companies went to court to make sure you did not hear the truth!
You see, over 90% of all the vitamins and minerals available in the thousands of supplements you buy come from the same handful of Mega Drug companies. They isolate the vitamins and recreate them in a laboratory in huge quantities and sell them to vitamin manufacturers. They also have minerals dug up in mines all over the world and these crushed rocks are what you get in your fortified O.J., breakfast cereal or daily vitamin.
What you may not know is that these chemicals and rocks are not recognized as nutrition by the body and can in some cases be toxic. Yes, in trying to do your body some good you may be causing real harm. These chemicals and rocks floating around in your bloodstream are a recipe for disaster.
Nutrients found in food are recognized by the body, and the body uses them for nourishment. These complex nutrients are in the form of a FoodMatrix™ with vitamins and minerals bound to proteins, carbohydrates, lipids, enzymes and bioflavanoids.
These nutrients in a FoodMatrix™, not isolated chemicals are what the body considers food. Scientists have developed a way to work with nature to produce FoodMatrix™ nutrients, a real food vitamin mineral combination that has all of the important cofactors bound to the vitamins and minerals your body needs.
To get an idea of how well these nutrients work researchers at Scranton University tested the effectiveness of FoodMatrix™ nutrients and chemical isolates on baby mammals.

After feeding them nutrient deficient food for two weeks they began feeding one group isolates and the other FoodMatrix™ nutrients for four weeks weighing them and charting the progress. These babies, whose cells were screaming for nutrition received no benefit from the isolated mutrients, as a matter of fact their weight soon began to decling. In contrast the FoodMatrix™ group thrived, and their weight almost doubled in the four-wekk period. This study clearly shows that isolated nutrients give very little or no help to growing cells. Consider that our cells need to grow and flourish for our bodies to heal, grow stronger and dight off the ravages of time.
Which type of nutrient are you going to feed your cells?
To be effectively used by the body, vitamins need cofactors. These "helpers" consist of bioflavanoids and other natural substances that work with the vitamin to produce positive results. Without these cofactors the effects of mass produced isolated chemicals are minimal at best. Take vitamin C for example.
In a study conducted at the New Jersey College of Medicine there was five times more FoodMatrix™ Vitamin C in the blood after two hours, and an incredible 18 times as much after 12 hours. Surprisingly there was more Vitamin C from FoodMatrix™ after 24 hours than there was at any time with the isolated Ascorbic Acid group.
Further proof of the superiority of real food nutrients is a study released by Scranton University Using tissue samples the bioavailability of FoodMatrix™ Vitamin C was Found to be over 12 times more bioavailable than the isolate.
Colon Cancer kills 47,000 Americans every year. This dreaded disease is generally believed to develop from polyps. These growths are studied to determine a patient's risk for cencer. While numerous studies have shown that Vitamin C can stop further polyp growth, a study conducted at The University of Dublin Trinity College revealed that FoodMatrix™ Vitamin C reduced polyps by more than 50% in just 30 days! Clearly FoodMatrix™ nutrients are vastly superior to isolates.
Another critical aspect of the benefit this new biotechnology is the way minerals are transported in the body. Noble Prize winning science proves that there is a systematic process the body uses to transport inerals directly to the cells. Without the special protein "Chaperone" found in FoodMatrix™ nutrients the crushed rock minerals found in virtually all supplements end up floating aimlessly in the blood. Scientists are just beginning to understand the deadly consequences of these free-floating minerals.
Calcium is a prime example of how dangerous these minerals can be. Calcium supplements are taken by millions of women. Even though American women take more calcium supplements than anywhere else in the world we have one of the highest rates of osteoporosis. This deadly condition known as brittle bone disease causes holes in the bone that can lead to crippling fractures and often death. In the following photo, you can see a compression fracture of the spine caused by advanced softening of the bone. Unfortunately taking most calcium tablets does little to help the problem, and can cause deadly side effects.
Without the protein transport to shuttle the calcium directly to the proper tissues calcium carbonate (which is simply crushed limestone) can bind to a variety of tissues with deadly results. This calcium can find its may end up in the walls of your arteries where it causes hardening and thickening. This calcium plaque is a major contributor to heart disease and stroke. Take a look at the difference between a normal coronary artery and one that has become clogged with calcium plaque.
It's easy to see why Americans by the thousands are lining up to be examined by new state of the art scanners that can detect this lethal calcification of their arteries.
“ What you don't know can hurt you! ” These mega drug companies have fought to keep these facts a secret from all us, Their laboratory made chemicals and crushed rocks have a minimal health benefit at best, and can cause real harm. Now that we know the truth it is up to us to spread the good news. There is a healthier and safer way to feed your body. Working with nature we can help the body to have a fighting chance against over processed foods, noxious chemicals, stress and the revages of time.
You ar on the front lines of the next great battle in health and wellness. Share this information with everyone you care about. Don't they deserve the best the world has ot offer?
We will win . The truth is on our side.
« Back

วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2550

จะซื้อรถมือสอง ต้องทำอะไรบ้าง:
เห็นพักนี้มีคนถามหารถมือสองกันเยอะ เลยลองๆนั่งเขียนดูจากประสบการณ์ส่วนตัว กับถามๆเค้ามาบ้าง ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดก็ช่วยส่ง comment ด้วยก็ดี ค่ะ จะขอบคุณเป็นอย่างสูง จะได้ช่วยกันๆ แล้วก็จะเรียบเรียงไปใส่ไว้ใน Article ค่ะ
ก่อนอื่นเลย คงต้องบอกว่าต้อง “ทำใจ” ไอ้ที่จะซื้อมาแล้วไม่มีการซ่อมเลยน่ะ เป็นไปไม่ได้ ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่า มือสอง หรือ ฝาหรั่ง เรียก Used Car ก็ของใช้มาแล้ว ก็ต้องมีพังมีสึก มีหรอ บ้างเป็นธรรมดา
ทีนี้จะทำไงล่ะ ถึง จะซ่อม “น้อย” ที่สุด หรือ ซ่อมอย่างมีความสุข เลือกรถมือสอง ต้องใจเย็นๆ นี่คือกฎข้อแรก ส่วนใหญ่เมื่อเราตัดสินใจจะไปซื้อเนี่ย เรามีความชอบอยู่แล้วเป็นทุนเดิม อาจเป็นความประทับใจในวัยเด็ก เห็นแล้วรักเลย หรือเห็นของเพื่อนขับมาตอนหนุ่มๆ พอมีตังค์เองแล้วยังอยากได้อยู่ รถก็สูงอายุขึ้นไป 6-7 ปีแล้ว ฉะนั้น มันก็เลยมีความ “อยากได้มาก” เป็นทุนเดิมอยู่ ฉะนั้น อย่ารีบปักใจ ตกลงปลงใจ ควักกระเป๋าจ่ายมัดจำ เลือกให้มากเข้าไว้ก่อน เปรียบเทียบมันดูหลายๆคัน ลองขับ ใครไม่ให้ลองขับไม่ต้องสนใจ แสดงว่าไอ้นี่ไม่จริงใจขาย ไม่น่าเชื่อถือ แล้วจะเลือกจะดูมันยังไงดี
1. ตัวถัง โครงสร้าง ดูได้ด้วยตาปล่าว เปิดกระโปรง ก้มดูคานหน้า หม้อน้ำ มีรอยดัดแปลงตัดแต่งมารึปล่าว แถวๆหัวช็อคมีรอยอาร์ค รอยตัดต่อมั้ย ฝากระโปรง ดูที่ตะเข็บรอยพับด้านใน ปกติถ้าไม่เคยซ่อมเลย รอบพับจะนูนๆกดแล้วหยุ่นๆนิดๆ แต่ถ้าตัดออกไปซ่อมแล้ว ก็จะเรียบๆแบนๆ บางคนละเอียดขนาดสั่งช่างว่าตอนซ่อมตรงตะเข็บต้องทำด้วยให้ยิงซิลิโคนเข้าไปในตะเข็บให้มันนูน ก็ใช้ลองเปรียบเทียบดูกับจุดอื่น ที่บานประตูซ้าย-ขวา หน้า-หลัง ฝากระโปรง เนี่ยดูให้หมด คงมีสักจุดละน่าที่ไม่ได้ชนมา อันนี้เป็นการดูเปลือกละว่าซ่อมสีมารึปล่าว หรือเอามาจอดที่สว่างๆมากๆ ดูสีก็ได้ว่ามันเรียบเสมอกันทั้งคันมั้ย ทีนี้ถ้ามันชนแค่ทำสีก็แล้วไป แต่ถ้าชนมาหนักล่ะ ดูยังไง ก็รอยตัดต่อตามตะเข็บโครงสร้างของรถนั่นแหละค่ะ ไล่มาตั้งแต่ คานหน้า คานข้าง เสา A เสา B เสา C หัวช็อคหลัง คานหลัง เลิกพรมท้ายรถดูว่ามีรอยทำสี ละอองสีบ้างมั้ย เห็นแล้วก็เงียบไว้ไม่ต้องไปพูดอะไร ตั้งหน้าตั้งตาดูต่อไป
2. ทดลองขับ ไม่ต้องขับเร็ว ขับช้าๆ จับอาการของรถ ฟังเสียงไปเรื่อย สังเกตุว่าตอนออกตัว เมื่อเข้าเกียร์ แล้ว ตอบสนองรถออกตัวทันทีมั้ย แล้วจับสังเกตว่าเมื่อเกียร์เปลี่ยน จากเกียร์ 1 ไป 2 นิ่มหรือไม่ ไม่ควรมีอาการกระตุก กระชากให้รู้สึก ตอนที่อยู่เกียร์ว่าง หรือ N รถหรือเครื่องสั่นมั้ย พอเหยียบคลัทช์ หรือ เข้า D แล้วหายสั่นรึปล่าว อันนี้ก็ไม่ยาก แค่ต้องเปลี่ยนยางแท่นเครื่องแค่นั้นละมัง ทีนี้ถ้าตอนจังหวะเข้าเกียร์แล้วเกียร์มันสั่นกราว เลย หรือกระตุก สันนิษฐานได้ ดังนี้ เกียร์ใกล้หมดอายุ(กรณีเกียร์ ออโต้) บางทีอาจมีอาการ ไฟ Hold กระพริบให้เห็นด้วยที่หน้าปัด แรงดันน้ำมันเกียร์เกิน เค้าอาจหวังดีไปถ่ายน้ำมันเกียร์มาให้ แต่แรงดันเกิน เกียร์ก็กระตุกได้ อีกข้อนึงคือ ชนมาหนัก คานเกียร์คด สั่นและกระตุกเหมือนกัน นั่นคือการจับอาการเกียร์
3. ต่อมาจับอาการเครื่องยนต์ การบังคับเลี้ยว และช่วงล่าง เอาละออกตัวไป เมื่อมีการเร่งเครื่องออกตัว เครื่องตอบสนองเราดีมั้ย รออะไรอยู่รึปล่าว สะอึกมั้ย เมื่อบังคับเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา พวงมาลัยตอบสนองการบังคับเลี้ยวนั้นมั้ย รู้สึกอาการสั่นขึ้นมาที่พวงมาลัยรึปล่าว พวงมาลัยดิ้นมั้ย แล้วเมื่อปล่อยมือ รถวิ่งตรงดีหรือไม่ เสียศูนย์รึปล่าว ฟังเสียงไปด้วยเวลาเลี้ยวได้ยินเสียงอืดๆๆ ด้วยหรือปล่าว เอ บุชพาวเวอร์หรือแร็คพวงมาลัยดีอยู่ไหมหนา แล้วเมื่อขับไป พวงมาลัยหนักเบาไม่เท่ากันมั้ย อาจมีปัญหาที่ปั๊มพาวเวอร์ได้ มีอีกอย่างที่ดูได้คือเมื่อเปิดฝาเครื่องยนต์ออกมา ให้ดูน็อต ที่ฝาเครื่องยนต์ ว่ามันเยิน โดนไขเข้าไขออกมาเยอะมั้ย ถ้ามีการเปิดฝา Overhaul มาแล้ว ก็เห็นรอยได้อย่างชัดเจน น็อตเดิมๆไม่ครบบ้าง เปลี่ยนน็อตใหม่หมดยกชุดบ้าง ท่อยางต่างๆ นิ่มแข็งประการใด ดูดูไว้ จะได้ประเมิณรายการซ่อมได้ว่าจะต้องเผื่อเงินไว้เท่าไหร่ ในการฟื้นฟูสภาพ ส่วนช่วงงล่างก็ลองดูว่าเวลาวิ่งมีอาการสั่นสะท้านผิดปกติหรือไม่ แข็งกระเด้งกระดอน จนออกนอกหน้ารึปล่าว ซึ่งถ้าเป็นแค่กระด้างจนออกนอกหน้า ก็ใช้เงินช่วยก็หาย คือยกมันทั้งสปริง ช็อคแอบซอร์เบอร์ ลูกหมาก ลูกยางดูดซับแรงกระแทก ใหม่ยกชุดก็หายขาด
4. ตรวจเช็คระบบไฟ ทั่วไปก็คือ ไฟทั้งหลาย ติดเป็นปกติดี วิทยุ ไฟประตู ไฟเบรก แล้วก็ระบบไฟเครื่องยนต์ เมื่อไปลองขับกลับมาจอดทิ้งไว้ อย่าเพิ่งดับเครื่อง ดูสิว่ารอบเครื่องยนต์กระพือวิ่งขึ้นวิ่งลงมั้ย เปิดกระโปรงดูสิ เครื่องยนต์เดินเรียบดีมั้ย แล้วพอดับเครื่อง เสร็จแล้ว สักแป๊บ สตาร์ทอีกที ฮั่นแน่ กระพือหรือสวิงจนดับไปเลยละป่าว อาจมีปัญหาเรื่องระบบสายไฟเครื่อง หรือระบบจ่ายไฟเครื่องก็ได้นะ
5. ระบบเบรก เนี่ยสำคัญ เช็คระยะการเบรก ว่าหยุดนิ่งที่ใกล้ไกล ขนาดไหน แต่ระบบเบรกส่วนใหญ่ไม่ซับซ้อน ออกมาเช็คตรวจสอบให้ละเอียด เปลี่ยนผ้าเบรก ถ่ายน้ำมันเบรก ตั้งระยะเบรก ก็โอเคเรียบร้อยดี ซื้อออกมาแล้ว ทำอะไรมันอีก สำคัญที่สุด ระบบเบรก เปลี่ยนเลยถ้ารถเตนท์ หรือไม่ทราบประวัติมาก่อน เปลี่ยนผ้าเบรก เช็คความหนาของจานเบรก เปลี่ยนน้ำมันเบรก ไล่ลมในหม้อลมเบรก อย่างอื่นเสียไม่เท่าไหร่ อย่างมากก็วิ่งไม่ได้แต่เบรกเสียนี่ อันตรายมาก มันวิ่งไม่หยุด ยางรถยนต์ ก็สำคัญรถใช้มานานยางก็เสื่อมสภาพดอกสึกหรอหายไปเป็นธรรมดา ไอ้ถ้าดอกยางมันสึกง่ายหน่อย อ้อดอกหมด เปลี่ยนเลย แต่ถ้าดอกมันไม่สึกละ ยางพวกที่คอมปาวด์แข็งๆ ดอกจะไม่ค่อยสึก คงรูปสวยงามอยู่อย่างนั้น แต่หารู้ไม่ว่า นั่นแหละอันตราย เพราะความยืดหยุ่นของยางไม่มีแล้ว การเกาะถนนก็หลงเหลือน้อยเต็มที เจอน้ำ เจอผิวถนนที่ลื่นเข้าหน่อย ก็เหิน อันตรายอีกเหมือนกัน วิธีสังเกตคือ เสียงยางบดกับผิวถนนมันจะดังเข้ามาในรถเลย เปลี่ยนซะจะได้ไม่ต้องไปซ่อมอย่างอื่นที่แพงกว่ายาง 4 เส้น ของเหลวทั้งหมด ถ้าหากเราไม่รู้ว่าเจ้าของเดิมทำไรมาบ้าง เพื่อเป็นการเริ่มต้นนับระยะ 1 ใหม่ ควรจะเปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถทั้งหมด น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันพาวเวอร์ น้ำหม้อน้ำ น้ำยาแอร์ จะได้เหมือนเป็นการล้างระบบทั้งหมดไปในตัวด้วย สายพานไทม์มิ่ง รถส่วนใหญ่กำหนดอายุเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่งไว้ที่ 70,000 ถึง 1 แสนกิโลเมตร ทีนี้เมื่อเราซื้อรถมาจากเตนท์ ซึ่งก็ส่วนใหญ่เขี่ยเลขไมล์ไว้แถวๆ 70,000 กิโลเมตรนั่นแหละ ก็ควรที่จะเปลี่ยนซะเลย เพื่อป้องกันอาการขาดแล้วไปดับกลางทางให้เสียเวลาเสียอารมณ์ ส่วนมากรถมาสด้าเมื่อสายพานขาด จะดีไซน์ให้หลบวาล์ว ไม่ไปฟาดเจ้าวาวล์ทั้ง 16 ตัว ให้ต้องยกเครื่องใหม่แต่ประการใด ทีนี้ที่ส่วนใหญ่มันจะหมดอายุไล่ๆกันก็คือ ปั๊มน้ำ เมื่อรื้อเปลี่ยนสายพานแล้ว ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนปั๊มน้ำไปเลย ทุ่นค่าแรงไป จะได้ไม่ต้องเจอปัญหารถตัวร้อนอยู่กลางถนนขับไปดับเครื่องไปกว่าจะมาถึงอู่ ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน ตรงนี้ก็เตรียมๆไว้สัก 1 หมื่นกว่าๆ เมื่อซ่อมใหญ่ไปขนาดนี้แล้ว ที่เหลือ ก็น่าจะเป็นการเปลี่ยนอะไหล่ที่หมดอายุลงเรื่อยๆตามกาลเวลา ฉะนั้นเมื่อเลือกซื้อ จึงควรเลือกที่มีสภาพดีให้มากไว้สักหน่อย จะได้ยืดอายุการเสียเงินไปได้นานๆหน่อยๆ ระหว่างที่ขับมัน ใช้มัน ก็หมั่นจับสังเกตอาการผิดปกติ แล้วก็รีบหาหมอรักษาซะ จะได้ไม่ต้องถึงขั้นโคม่า ผ่าตัดใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่วิตกจริตซะจนเครียด เสียงนู่นนิดนี่หน่อย พาลจะระแวงไปหมด ขับรถไม่เป็นสุขอีก...ขอให้ประสบความสำเร็จกับการเลือกเนื้อคู่มือสอง นะคะ.

..ส่วนตอนดูสีรถอะ - ไม่ควรเอามาจอดกลางแดดครับ เพราะว่าแดดที่จ้าเกินไป จะทำให้เรามองไม่เห็นรอยได้ครับ ให้จอดในร่มพร้อมกับไฟนีออนเยอะๆ เหมือนกับตามศูนย์คาร์แคร์ดีกว่าครับ จะเห็นริ้วรอย การซ่อมสี ความเรียบ และเนื้อสีได้ดีกว่า

วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2550

รถมือสอง รถยนต์มือสอง รถเต็นท์ ตลาดรถ เต็นท์รถ มือสอง

ขอแนะนำ เวบไซต์ รถมือสอง ตลาดนัดคนขายรถยนต์มือสอง carthai.com รถมือสอง รถยนต์มือสอง รถเต็นท์ ตลาดรถ เต็นท์รถ มือสอง แหล่งรวบรวมรถยนต์ จำนวนมาก หลากหลายรุ่น หลายยีห้อ รถยนต์ toyota vios yaris dmax isuzu hilux vigo bmw benze lexus honda city civic accord jazz yaris
offers one of the nation's largest selections of previously-owned vehicles, with thousands of new models added daily. Select your options to start searching now. The most popular Honda civic Nissan Altima
1. Honda Civic
2. Nissan Altima
3. Honda Accord Sedan
4. Toyota Camry
5. Ford Explorer
6. Nissan Maxima
7. Ford Mustang
8. Toyota Corolla
9. BMW 3-Series
10. Jeep Grand Cherokee
About Used cars for sale,Buy Used Autos,Find Dealers - carthai.com
Please see the other information at http://www.carthai.com